ชีวิตคนเรามักจะมีสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวดอยู่ข้างกายเสมอ
บางทีเราอาจจะคิดหรือไม่คิดถึงมันแต่เราก็รู้สึกสัมผัสเรียนรู้มันได้
โดยวิธีทางธรรมชาติที่เกิดจากแรงขับดันทางเพศไม่ว่าจะเป็น
สิ่งมีชีวิตที่ใช้เพศที่หนึ่งหรือสองบางที่สิ่งเหล่านั้นมันอาจจะยัง
ไม่ปรากฏขึ้นมาอย่างเด่นชัดแต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วมันคงจะ
เหมือนกับรอยแผลเป็น หรือ รอยสักที่อยู่บนร่างกายเพื่อบอก
เรื่องราวช่วงหนึ่งของชีวิตที่ถ้าเราอยากอยู่กับมันก็ต้องรักษามันไว้
ให้ดีแต่ก็นั่นแหละทำไมบางทีมันอาจไม่อยากอยู่กับเราก็ต้องให้มัน
ไหลออกไปเหมือนไวน์แดงที่กำลังลื่นลงคอขณะที่เรากินแกล้มกับหอยอีรม
ชั้นสถุลในความหมายความจริงของชีวิตนี้อาจหาจุดสิ้นสุดไม่ได้แต่
ความเมาที่มีอยู่ในร่างขณะเดินผ่านสะพานมัฆวานในยามที่สเหลืองกับ
สีแดงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางความเจ้บปวดกันข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัว
เองเป็นแค่ละอองธุลีที่ระหกระเหินบนทางเดินแห่งความบันเทิงและรื่นเริง
ของสังคมบนความทุกข์ระทมของคนจนๆบนแผ่นดินขวานทองขณะที่เข็ม
ทิศไม่อาจจะชี้ถูกทางได้ ขณะที่นาฬิกาตาย ขณะที่ไม้พายสู่ฝั่งฝันของมวล
มนุษย์ชาติต้องหัก ขณะนั้นเค้ากลับมาแล้วก้มกราบแผ่นดินไทยแล้วลุกขึ้น
จับมือกับร่างทรงแห่งพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยหัวขาวสิ่งนั้นอาจทำให้คุณ
ยิ้มขึ้นมาได้บ้างถ้าหากจะมีแม้ความเจ็บปวด
ถ้าอ่านมาตั้งนานเนี่ยข้าพเจ้าอยากจะบอกว่าอย่าลืมถอดปลั๊กไฟหลัง
Shut Down ละมันเปลืองไฟ
20/10/54
วลีที่ 1
ท้องทะเลที่สวยงามฟ้าสีครามมองเห็นแม้กระทั้งปลาทะเลลึก หรือแม้แต่ประการังก็ไมอาจจะรอดพ้นสายตาเราไปได้
อากาศที่แสนสดใส แดดอ่อนกำลังงามบอกกับน้ำทะเลใสๆราวกับว่ามันชักชวนให้เราลงไปค้นหามันเชกเช่นเดียว
กับหญิงขายบริการ ที่เชื้อเชิญเราให้เค้าไปหาด้วยสัดส่วนของหน้าอกที่อวบอัดสมบูรณ์แบบ ปากที่แดงระเรื่อ ผิวที่
ขาวเนียนราวกับน้ำนมบวกกับขาที่เรียวเล็กและสุดท้ายที่ใบหน้าวัยกำดัดของเธอช่างชวนให้เราเข้าไปค้นหาผิด
กันแค่ว่ากระจกกันเธอกับเราเอาไว้ขณะที่ผืนน้ำทะเลกั้นปลาและประการัง อ่อ อีกอย่างสิ ประการังที่สวยงามทั้ง
หลายที่เราเห็นอยู่ไม่ได้มีเบอร์ติดไว้ด้วย
เมื่อรู้สึกตัวก็รู้สึกได้ว่าเรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้นั่งเป็นความรู้สึกแรกคิดวาคุณก็คงเคยเป็นในขณะที่มองออกไปรอบๆ
ตัวข้างกายมีแต่ทะเลมองไม่เห็นเกาะ เรากำลังไป เรากำลังไปไหน ... เราอยู่บนเรือ ! มีคนตบไหล่เราให้ตื่นตัวและ
ออกจากภวังค์ความคิดเมื่อครู่นี้ เมื่อเราหันกลับไป "เฮ้ย มึงมาได้ไงวะ ตอนขึ้นเรือมาไม่เห็นมึงเลย" ใช่สิ ในใจเรา
คิด มึงมาได้ไงวะ กูก็ไม่เห็นมึงตอนขึ้นเรือมาเหมือนกัน ไอ้บุญเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลที่ไมเคยคิดว่าชาตินี้จะได้กลับ
มาเจอกันอีกเป็นมันเองที่ตบไหล่ผม มึงก็จะไปด้วยเหรอวะ มันถามเรา เออไปที่ไหนวะ
เราตอบ อ้าวไอ้เวรมึงลงเรือมายังไม่รู้อีกเหรอว่ามึงจะไปไหน ทันใดนั้นเองภาพในหัวสมองผมย้อนกลับไปที่
หน้าคอม ก่อนหน้านี้สามวันมีจดหมายอิเล็คทรอนิกที่เรียกกันว่า อีเมล์ ส่งมาหาเราใจความสำคัญโดยย่อคือ
"อริญชย์ มีงานเข้าพิมพ์เมล์นี้แล้วอีกสามวันมาเจอกันทีท่าออกเรือจังหวัดตราด" ลงท้ายไว้ว่าปล.มาคนเดียวนะ
และอย่าลืมของละ ตามด้วยชื่อ ชายคนนึงทีอายุมากกว่าเราบางทีผมนับถือเค้าเหนือพ่อด้วยซ้ำเป็นคนที่เราเรียกเค้า
ว่า ป๋า สงสัยพายุจะลงวะ สนุกแล้วสิมึง ไอ้บุญบอกผม เออแล้วเรือนี้มันไปจอดที่ไหน ขณะที่ความสวยงามรอบๆตัว
แปรเปลี่ยนเป็นฟ้่าทีใสเริ่มดูหม่นหมองทะเลเริ่มร้องคลื่นเริ่มสาดซัดรุนแรงราวกับว่าเราไปทำให้มันโกรธจะด้วยอะไร
ก็แล้วแต่ เสียงหัวเราะของชายหนุ่มขี้เมาที่เหมือนจะได้ยินการสนทนา ของเราเมื่อครู่ได้หัวเราะออกๆมา ฮาฮาฮา
มาเลยเข้ามาเลยไอ้พายุส้นตีน กูไมกลัวมึงหรอก กูรอเจอมึงมานาน แล้ว วันนี้แหละ กูจะชำระแค้นกับมึง เมฆหนา
อยู่ดีๆก็มารวมตัวกันเหมือนจงใจจะเล่นงานเรือทีเราโดยสารอยู่แต่ขณะเดียวกันเราก็สำนึกสำเหนียกขึ้นมาได้ว่า
ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือกูมาทำอะไรบนเรือนี้ว่ะ.........
อากาศที่แสนสดใส แดดอ่อนกำลังงามบอกกับน้ำทะเลใสๆราวกับว่ามันชักชวนให้เราลงไปค้นหามันเชกเช่นเดียว
กับหญิงขายบริการ ที่เชื้อเชิญเราให้เค้าไปหาด้วยสัดส่วนของหน้าอกที่อวบอัดสมบูรณ์แบบ ปากที่แดงระเรื่อ ผิวที่
ขาวเนียนราวกับน้ำนมบวกกับขาที่เรียวเล็กและสุดท้ายที่ใบหน้าวัยกำดัดของเธอช่างชวนให้เราเข้าไปค้นหาผิด
กันแค่ว่ากระจกกันเธอกับเราเอาไว้ขณะที่ผืนน้ำทะเลกั้นปลาและประการัง อ่อ อีกอย่างสิ ประการังที่สวยงามทั้ง
หลายที่เราเห็นอยู่ไม่ได้มีเบอร์ติดไว้ด้วย
เมื่อรู้สึกตัวก็รู้สึกได้ว่าเรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้นั่งเป็นความรู้สึกแรกคิดวาคุณก็คงเคยเป็นในขณะที่มองออกไปรอบๆ
ตัวข้างกายมีแต่ทะเลมองไม่เห็นเกาะ เรากำลังไป เรากำลังไปไหน ... เราอยู่บนเรือ ! มีคนตบไหล่เราให้ตื่นตัวและ
ออกจากภวังค์ความคิดเมื่อครู่นี้ เมื่อเราหันกลับไป "เฮ้ย มึงมาได้ไงวะ ตอนขึ้นเรือมาไม่เห็นมึงเลย" ใช่สิ ในใจเรา
คิด มึงมาได้ไงวะ กูก็ไม่เห็นมึงตอนขึ้นเรือมาเหมือนกัน ไอ้บุญเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลที่ไมเคยคิดว่าชาตินี้จะได้กลับ
มาเจอกันอีกเป็นมันเองที่ตบไหล่ผม มึงก็จะไปด้วยเหรอวะ มันถามเรา เออไปที่ไหนวะ
เราตอบ อ้าวไอ้เวรมึงลงเรือมายังไม่รู้อีกเหรอว่ามึงจะไปไหน ทันใดนั้นเองภาพในหัวสมองผมย้อนกลับไปที่
หน้าคอม ก่อนหน้านี้สามวันมีจดหมายอิเล็คทรอนิกที่เรียกกันว่า อีเมล์ ส่งมาหาเราใจความสำคัญโดยย่อคือ
"อริญชย์ มีงานเข้าพิมพ์เมล์นี้แล้วอีกสามวันมาเจอกันทีท่าออกเรือจังหวัดตราด" ลงท้ายไว้ว่าปล.มาคนเดียวนะ
และอย่าลืมของละ ตามด้วยชื่อ ชายคนนึงทีอายุมากกว่าเราบางทีผมนับถือเค้าเหนือพ่อด้วยซ้ำเป็นคนที่เราเรียกเค้า
ว่า ป๋า สงสัยพายุจะลงวะ สนุกแล้วสิมึง ไอ้บุญบอกผม เออแล้วเรือนี้มันไปจอดที่ไหน ขณะที่ความสวยงามรอบๆตัว
แปรเปลี่ยนเป็นฟ้่าทีใสเริ่มดูหม่นหมองทะเลเริ่มร้องคลื่นเริ่มสาดซัดรุนแรงราวกับว่าเราไปทำให้มันโกรธจะด้วยอะไร
ก็แล้วแต่ เสียงหัวเราะของชายหนุ่มขี้เมาที่เหมือนจะได้ยินการสนทนา ของเราเมื่อครู่ได้หัวเราะออกๆมา ฮาฮาฮา
มาเลยเข้ามาเลยไอ้พายุส้นตีน กูไมกลัวมึงหรอก กูรอเจอมึงมานาน แล้ว วันนี้แหละ กูจะชำระแค้นกับมึง เมฆหนา
อยู่ดีๆก็มารวมตัวกันเหมือนจงใจจะเล่นงานเรือทีเราโดยสารอยู่แต่ขณะเดียวกันเราก็สำนึกสำเหนียกขึ้นมาได้ว่า
ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือกูมาทำอะไรบนเรือนี้ว่ะ.........
ดนตรีตะวันตก และ ดนตรีตะวันออก
ดนตรีตะวันตก และ ดนตรีตะวันออก
ดนตรีตะวันตก และ ดนตรีตะวันออกนั้นสำหรับตัวข้าพเจ้าเองคิดว่า เริ่มมาตั้งแต่ การกำเนิด จวบจนมาถึงการพัฒนามาสู่ยุคปัจจุบัน เมื่อมนุษย์เราพยายาม มองอะไร ให้เข้าใจ ในระนาบที่สูงขึ้นมา ดั้งนั้นจึงมีสิ่งที่เรียกว่า อีโก้มาเป็นกำแพงขวางกั้น ประกอบในหลายๆสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ดนตรี สอง ชนิดนี้ เช่นดนตรี อินเดีย ซึ่งไม่มีกรอบตายตัวเหมือนดนตรีตะวันตก แค่เพียงเล่นตามแนวทำนองหลักของคีตกวี และมีข้อจำกัดเล็กน้อย นักดนตรีก็สามารถด้นไปได้ รวมทั้งกุมกฏเกณฑ์ ท่วงทำนอง เฉพาะของเพลงนั้นๆไว้ และแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงอารมณ์แห่งดนตรีกาล ภายใต้กรอบทั่วไป ซึ่งดูเหมือนดนตรีแจ๊สซึ่งก็เป็นแขนงหนึ่งในดนตรีตะวันตก แต่เกิดจากคนดำ ไม่ใช่ คนขาว แต่ก็ต้องยอมรับว่าดนตรีแขนงนี้มีคนขาวช่วยพัฒนามา บางคนที่อินจัด ในเรื่องนี้ ถึงขนาดกล่าวว่าคนขาวขโมยเอารูปแแบบของดนตรี บลูส์พื้นฐาน ซึ่งเป็นแกน ของดนตรี แจ๊ส ไป ยำ และพัฒนา เป็น ดนตรี ร็อค ในยุคแรกเริ่ม แต่ดนตรี ยุโรป อย่าง ดนตรี คลาสสิค ได้ก้าวย่างห่างไกลไปจากความ เป็น ศิลปะสมัยนิยม และ อารมณ์ความรู้สึก พื้นๆที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ด้วยเวลา และอะไรหลายๆอย่างก็ตาม และก็ยังต้องคงไว้ เพราะนั่นแหละคือความเป็นไปได้ ทางเดียว ที่จะมีจารีตทางศิลปะการดนตรีที่หนักแน่นจนส่งผลกระทบ ต่อจิตใจขอ ง มนุษย์ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ในแนวทางนี้จะยังมีอิสรภาพในดนตรีแต่ตัวข้าพเจ้า กลับฟังแล้วรู้สึกถึงทหารซึ่งฟังแล้วรับรู็ถึงความมีระเบียบ วินัย แบบแผน ที่อยู่บน ความซับซ้อน ที่สืบต่อกันมานานในดนตรีแขนงนี้ ซึ่งก็เป็นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่าง ขณะที่ดนตรีในตะวันออกอย่างดนตรีอินเดีย สามารถเปลี่ยนคำร้องหรือเพิ่มคำร้องได้ ซึ่งข้าพเจ้าเรียกมันว่าเรียกว่ามีเสรีภาพทางกวี บนบทเพลงที่สุนทรีย์ ทั้งๆที่ไม่รู้ ความหมายแต่รับรู็ได้บางคนอาจจะคิดว่าแล้วเสียงที่ออกมามันจะผสาน กันอย่างลงตัวรึ ซึ่งมันเหมือนกับสีงานจิตกรรมต่างๆที่ถ้ารู้หลักแล้ววาดมันออกมา ก็อาจจะดีได้เหมือนทำนองหลักแต่ความรู้เรื่องสีถ้ามีแค่พื้นฐานเอามาใชงาน้ ก็จะออก มาระดับนึงแต่ไม่มีทางเกินนั้นเพราะเรารู้แค่นั้นแต่การที่เราโยงเส้นสายของ ภาพและสีทีแตกต่างออกไปเข้าด้วยกันก็จะเกิดงานที่สร้างสรรค์แบบใหม่ๆตราบใด ที่เราไม่ใช้มันจนเปรอะเลอะเทอะจนเกินไปมันก็จะออกมาดีได้ ตัวข้าพเจ้าเองก็ได้รับอิทธิพลและ ความ รู้สึกที่ยิ่งใหญ่จากดนตรีตะวันตกทั้งๆที่เป็นคนจากตะวันออกจริงๆและเราควร มองผล กระทบขอนดนตรีตะวันตกและตะวันออกที่ส่งผลต่อมนุษยอย่างลึกซึ้งและแท้จริง มากกว่ามากกว่าเพราะมันไม่มีประโยชน์ออะไรที่จะเอามาวัดกัน วิเคราะห์กันอย่าง เอาเป็นเอาตายหรือเป็นเหตุเป็นผลได้ เพราะมันวัดกันไม่ได้
อริญชย์ ภาณุเวศย์ 17/03/2010
ดนตรีตะวันตก และ ดนตรีตะวันออกนั้นสำหรับตัวข้าพเจ้าเองคิดว่า เริ่มมาตั้งแต่ การกำเนิด จวบจนมาถึงการพัฒนามาสู่ยุคปัจจุบัน เมื่อมนุษย์เราพยายาม มองอะไร ให้เข้าใจ ในระนาบที่สูงขึ้นมา ดั้งนั้นจึงมีสิ่งที่เรียกว่า อีโก้มาเป็นกำแพงขวางกั้น ประกอบในหลายๆสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ดนตรี สอง ชนิดนี้ เช่นดนตรี อินเดีย ซึ่งไม่มีกรอบตายตัวเหมือนดนตรีตะวันตก แค่เพียงเล่นตามแนวทำนองหลักของคีตกวี และมีข้อจำกัดเล็กน้อย นักดนตรีก็สามารถด้นไปได้ รวมทั้งกุมกฏเกณฑ์ ท่วงทำนอง เฉพาะของเพลงนั้นๆไว้ และแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงอารมณ์แห่งดนตรีกาล ภายใต้กรอบทั่วไป ซึ่งดูเหมือนดนตรีแจ๊สซึ่งก็เป็นแขนงหนึ่งในดนตรีตะวันตก แต่เกิดจากคนดำ ไม่ใช่ คนขาว แต่ก็ต้องยอมรับว่าดนตรีแขนงนี้มีคนขาวช่วยพัฒนามา บางคนที่อินจัด ในเรื่องนี้ ถึงขนาดกล่าวว่าคนขาวขโมยเอารูปแแบบของดนตรี บลูส์พื้นฐาน ซึ่งเป็นแกน ของดนตรี แจ๊ส ไป ยำ และพัฒนา เป็น ดนตรี ร็อค ในยุคแรกเริ่ม แต่ดนตรี ยุโรป อย่าง ดนตรี คลาสสิค ได้ก้าวย่างห่างไกลไปจากความ เป็น ศิลปะสมัยนิยม และ อารมณ์ความรู้สึก พื้นๆที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ ด้วยเวลา และอะไรหลายๆอย่างก็ตาม และก็ยังต้องคงไว้ เพราะนั่นแหละคือความเป็นไปได้ ทางเดียว ที่จะมีจารีตทางศิลปะการดนตรีที่หนักแน่นจนส่งผลกระทบ ต่อจิตใจขอ ง มนุษย์ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ในแนวทางนี้จะยังมีอิสรภาพในดนตรีแต่ตัวข้าพเจ้า กลับฟังแล้วรู้สึกถึงทหารซึ่งฟังแล้วรับรู็ถึงความมีระเบียบ วินัย แบบแผน ที่อยู่บน ความซับซ้อน ที่สืบต่อกันมานานในดนตรีแขนงนี้ ซึ่งก็เป็นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่าง ขณะที่ดนตรีในตะวันออกอย่างดนตรีอินเดีย สามารถเปลี่ยนคำร้องหรือเพิ่มคำร้องได้ ซึ่งข้าพเจ้าเรียกมันว่าเรียกว่ามีเสรีภาพทางกวี บนบทเพลงที่สุนทรีย์ ทั้งๆที่ไม่รู้ ความหมายแต่รับรู็ได้บางคนอาจจะคิดว่าแล้วเสียงที่ออกมามันจะผสาน กันอย่างลงตัวรึ ซึ่งมันเหมือนกับสีงานจิตกรรมต่างๆที่ถ้ารู้หลักแล้ววาดมันออกมา ก็อาจจะดีได้เหมือนทำนองหลักแต่ความรู้เรื่องสีถ้ามีแค่พื้นฐานเอามาใชงาน้ ก็จะออก มาระดับนึงแต่ไม่มีทางเกินนั้นเพราะเรารู้แค่นั้นแต่การที่เราโยงเส้นสายของ ภาพและสีทีแตกต่างออกไปเข้าด้วยกันก็จะเกิดงานที่สร้างสรรค์แบบใหม่ๆตราบใด ที่เราไม่ใช้มันจนเปรอะเลอะเทอะจนเกินไปมันก็จะออกมาดีได้ ตัวข้าพเจ้าเองก็ได้รับอิทธิพลและ ความ รู้สึกที่ยิ่งใหญ่จากดนตรีตะวันตกทั้งๆที่เป็นคนจากตะวันออกจริงๆและเราควร มองผล กระทบขอนดนตรีตะวันตกและตะวันออกที่ส่งผลต่อมนุษยอย่างลึกซึ้งและแท้จริง มากกว่ามากกว่าเพราะมันไม่มีประโยชน์ออะไรที่จะเอามาวัดกัน วิเคราะห์กันอย่าง เอาเป็นเอาตายหรือเป็นเหตุเป็นผลได้ เพราะมันวัดกันไม่ได้
อริญชย์ ภาณุเวศย์ 17/03/2010
ดนตรี ขีวิต สิ่งแวดล้อม
ดนตรี ขีวิต สิ่งแวดล้อม
ดนตรี คือ เสียงที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ และมีแบบแผนโครงสร้าง เป็นรูปแบบของกิจกรรมเชิงศิลปะของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง โดยดนตรีนั้นแสดงออกมาในด้านระดับเสียง (ซึ่งรวมถึงท่วงทำนอง และเสียงประสาน) จังหวะ และคุณภาพเสียง(ความต่อเนื่องของเสียง พื้นผิวของเสียง ความดังค่อย) ดนตรีนั้นต้องออกมาจากใจหรือมันสมอง สามารถใช้ในด้าน ศิลปะหรือสุนทรียศาสตร์ การสื่อสาร ความบันเทิง รวมถึงใช้ในงานการค้าธุรกิจซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรทำมันให้ค้าขายแต่ควรทำมัน ให้เป็นปกติแล้วให้มันทำงานของมันเอง
ชีวิต คือสถานะที่แยกสิ่งมีชีวิตหรืออินทรีย์ออกจากสิ่งไม่มีชีวิตหรืออนินทรีย์ และสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว สิ่งมีชีวิตเติบโตผ่านกระบวนการสันดาป การสืบพันธุ์และ การปรับตัวต่อการ เปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม สิ่งมีชีวิตหลากหลาย ชนิดสามารถพบได้ในชีวมณฑลของโลก ส่วนประกอบทั่วไป ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ - พืช สัตว์ เห็ดรา โพรทิสต์ อาร์เคีย และ แบคทีเรีย - คือ เซลล์ที่มีส่วนของน้ำและคาร์บอนเป็นหลัก และ เซลล์แหล่านี้ถูกเรียบเรียง อย่างซับซ้อนตามข้อมูลจากหน่วยพันธุกรรม สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการ สันดาป เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว และ มีการปรับตัวและวิวัฒนาการโดยการผ่านการคัดเลือก โดยธรรมชาติ สิ่งที่มี คุณสมบัติเหล่านี้เท่านั้นที่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
สิ่งแวดล้อม
คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งที่เป็น รูปธรรม(สามารถจับต้องและมองเห็นได้)และนามธรรม (ตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมแบบแผน ประเพณี ความเชื่อ) มีอิทธิพลเกี่ยวโยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกันผลกระทบจากปัจจัยหนึ่งจะมีส่วนเสริม สร้างหรือทำลายอีกส่วนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่งแวดล้อมเป็นวงจร
และวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกันไปทั้งระบบ
ดนตรี คือ เสียงที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ และมีแบบแผนโครงสร้าง เป็นรูปแบบของกิจกรรมเชิงศิลปะของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง โดยดนตรีนั้นแสดงออกมาในด้านระดับเสียง (ซึ่งรวมถึงท่วงทำนอง และเสียงประสาน) จังหวะ และคุณภาพเสียง(ความต่อเนื่องของเสียง พื้นผิวของเสียง ความดังค่อย) ดนตรีนั้นต้องออกมาจากใจหรือมันสมอง สามารถใช้ในด้าน ศิลปะหรือสุนทรียศาสตร์ การสื่อสาร ความบันเทิง รวมถึงใช้ในงานการค้าธุรกิจซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรทำมันให้ค้าขายแต่ควรทำมัน ให้เป็นปกติแล้วให้มันทำงานของมันเอง
ชีวิต คือสถานะที่แยกสิ่งมีชีวิตหรืออินทรีย์ออกจากสิ่งไม่มีชีวิตหรืออนินทรีย์ และสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว สิ่งมีชีวิตเติบโตผ่านกระบวนการสันดาป การสืบพันธุ์และ การปรับตัวต่อการ เปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม สิ่งมีชีวิตหลากหลาย ชนิดสามารถพบได้ในชีวมณฑลของโลก ส่วนประกอบทั่วไป ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ - พืช สัตว์ เห็ดรา โพรทิสต์ อาร์เคีย และ แบคทีเรีย - คือ เซลล์ที่มีส่วนของน้ำและคาร์บอนเป็นหลัก และ เซลล์แหล่านี้ถูกเรียบเรียง อย่างซับซ้อนตามข้อมูลจากหน่วยพันธุกรรม สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการ สันดาป เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว และ มีการปรับตัวและวิวัฒนาการโดยการผ่านการคัดเลือก โดยธรรมชาติ สิ่งที่มี คุณสมบัติเหล่านี้เท่านั้นที่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
สิ่งแวดล้อม
คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งที่เป็น รูปธรรม(สามารถจับต้องและมองเห็นได้)และนามธรรม (ตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมแบบแผน ประเพณี ความเชื่อ) มีอิทธิพลเกี่ยวโยงถึงกัน เป็นปัจจัยในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกันผลกระทบจากปัจจัยหนึ่งจะมีส่วนเสริม สร้างหรือทำลายอีกส่วนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่งแวดล้อมเป็นวงจร
และวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกันไปทั้งระบบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)